บอร์ดกระจายเสียง / กสท. แถลงผลการประชุม ประจำวันที่ 11 กรกฎาคม 2559
วันที่ 11 ก.ค. 2559 ผศ.ภักดี มะนะเวศ รองเลขาธิการ กสทช.สายงานกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ครั้งที่ 23/2559 มีการพิจารณาให้ระงับการกระทำที่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มีหนังสือขอให้สำนักงาน กสทช. พิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย ดังนี้
ช่องรายการ ออนซอน ทีวี ของบริษัท กกตาลคู่บัวขาว จำกัด พบว่ามีการออกอากาศโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ที่ประชุม กสท. จึงมีคำสั่งทางปกครองให้ระงับการออกอากาศโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหาร และผลิตภัณฑ์อื่นที่ไม่ได้รับอนุญาตให้โฆษณาตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยทันที หากบริษัท ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งให้ปรับทางปกครองจำนวน 500,000 บาท และปรับอีกวันละ 100,000 บาท ตลอดระยะเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง
ช่องรายการ Maya Channel ของบริษัท เอ พลัส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) พบว่ามีการออกอากาศโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารโดยไม่ได้รับอนุญาตให้โฆษณาตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จึงมีคำสั่งทางปกครองให้ยุติการออกอากาศโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหาร และผลิตภัณฑ์อื่นใดที่ไม่ได้รับอนุญาตให้โฆษณาตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยทันที หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งให้ปรับทางปกครองจำนวน 500,000 บาท และปรับอีกวันละ 100,000 บาท ตลอดระยะเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง
ช่องรายการ มีคุณ ทีวี ของบริษัท ยูริมิโกะมีคุณมีเรา จำกัดพบว่ามีการออกอากาศโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารโดยไม่ได้รับอนุญาตให้โฆษณาตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จึงมีคำสั่งทางปกครองให้ยุติการออกอากาศโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหาร และผลิตภัณฑ์อื่นใดที่ไม่ได้รับอนุญาตให้โฆษณาตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยทันที หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งให้ปรับทางปกครองจำนวน 500,000 บาท และปรับอีกวันละ 100,000 บาท ตลอดระยะเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง
ต่อมาที่ประชุม กสท. พิจารณากรณีที่สำนักงาน กสทช. ตรวจสอบพบว่ารายการ Club Friday To Be Continued ตอน เพื่อนรักเพื่อนร้าย ทางช่องรายการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ช่อง GMM25 มีการนำเสนอฉากที่มีการข่มขืนและฉากที่มีความรุนแรง อันเป็นเนื้อหาที่มีผลกระทบต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน และมีผลต่อการให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจอย่างร้ายแรงอันเข้าข่ายการกระทำความผิดตามมาตรา 37 แห่งพ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ที่ประชุม กสท. จึงมีมติลงโทษปรับทางปกครองในอัตรา 50,000บาท และให้ทางช่องรายการเปลี่ยนการจัดระดับความเหมาะสมของรายการจากเดิมระดับ ท เป็นระดับ น18 และหากจะนำรายการดังกล่าวมาออกอากาศซ้ำให้ตัดฉากที่ไม่เหมาะสมออก เพื่อให้เป็นไปตามประกาศ กสทช. เรี่อง หลักเกณฑ์การจัดทำผังรายการสำหรับการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ. 2556 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558
นอกจากนี้ ที่ประชุม กสท. มีคำสั่งทางปกครองให้ระงับการนำช่องรายการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล หมวดหมู่ความคมชัดปกติ ไปออกอากาศเป็นความคมชัดสูงในโครงข่าย PSI เนื่องจากฝ่าฝืนประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การจัดลำดับรายการโทรทัศน์ และประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตการให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ. 2555 โดยให้แก้ไขปรับปรุงให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวให้กำหนดค่าปรับทางปกครองให้ PSI ชำระในอัตราวันละไม่เกิน 20,000 บาท ตลอดระยะเวลาที่ฝ่าฝืน
ส่วนกรณีช่อง PEACE TV ที่ประชุม กสท. ได้รับทราบคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ที่ 380/2559 ลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2559 และมอบหมายให้สำนักงาน กสทช. ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อยืนยันว่ากรณีตามมติที่ประชุม กสท.ครั้งที่ 22 เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2559 เป็นกรณีการกระทำต่างกรรมต่างวาระแยกต่างหากจากการกระทำและการมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ ช่องรายการ PEACE TV ซึ่งศาลปกครองกลาง มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว และศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่ง ยืนตามคำสั่งทุเลาการบังคับของศาลปกครองกลางดังกล่าว และมติที่ประชุม กสท.ครั้งที่ 22 เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ว่า หากบริษัท พีช เทเลวิชั่น จำกัด ออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาต้องห้ามตามประกาศ คสช.ฉบับที่ 97/2557 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศ คสช.ฉบับที่ 103/2557 หรือเงื่อนไขการอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ อันเป็นการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในคำสั่ง ของศาล กสทช. ย่อมมีอำนาจที่จะพิจารณาโทษทางปกครองแก่บริษัทฯ ในการกระทำความผิดครั้งใหม่ดังกล่าวได้ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ นอกจากนี้ได้มอบหมายให้สำนักงาน กสทช. ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลางในกรณีที่ช่องรายการ PEACE TV ได้ดำเนินการออกอากาศขัดเงื่อนไขใบอนุญาต และ กสท.ได้เคยยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลางมาแล้ว เพื่อให้ศาลปกครองกลางมีคำสั่งตามที่เห็นสมควรต่อไป